‘สมคิด’ชี้ปัญหาการเมือง แบ่งสีแบ่งค่าย ฉุดเศรษฐกิจโตต่ำ

วันที่ 1 ก.พ. นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “จับชีพจรประเทศไทย” ในงานสัมมนาฝ่าเศรษฐกิจ ปีงูใหญ่ ชวนสร้างไทยให้ยั่งยืน ซึ่งจัดโดยสมาคมเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ว่า ประเทศไทยเริ่มเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจเติบโตต่ำ ส่วนหนึ่งมาจากปัญหาการเมือง การแบ่งสีแบ่งค่าย มุ่งยึดฐานเสียงทุกรูปแบบ จึงเปิดช่องให้คนมีทุนเข้ามาทำการเมือง จนกลายเป็นโมเดลธุรกิจการเมืองจนไม่มีผู้มีอำนาจตัดสินใจอย่างแท้จริง

ทั้งดัชนีคอร์รัปชั่นก็พุ่งสูง เป็นการเมืองที่เปิดโอกาสให้ทุนทางการเมืองเข้ามากลายเป็นรูปแบบธุรกิจ นโยบายจึงออกมาเป็นควิกวิน ระยะสั้นไม่สามารถทำนโยบายระยะยาวได้ เรื่องที่เป็นนโยบายใหญ่ๆ กฎหมายสำคัญๆ ที่จะออกจากสภาก็ไม่ทำ การเมืองก็ใช้วิธีการปรองดองกันเพื่อผลประโยชน์เท่าที่ทำได้ ขณะเดียวกันยังมาจากปัญหาเชิงโครงสร้าง เช่น ประเทศไทยเริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ อัตราการเกิดน้อยมาก ดังนั้นตลาดของผู้สูงอายุจึงมีโอกาส รวมทั้งยังเผชิญปัญหาฝุ่นพีเอ็ม 2.5 นับว่ากระทบไปหลายส่วน ทั้งการท่องเที่ยว และภาคเศรษฐกิจด้วยคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

อย่างไรก็ตาม เรื่องที่สำคัญในเวลานี้ รัฐบาลต้องผลักดันนโยบายระยะยาว แม้ที่ผ่านมาจะมีมาตรการระยะสั้นไปบ้าง แต่เมื่อไทยต้องพัฒนาโครงสร้างระยะยาว จึงเป็นห่วงโครงการสำคัญจะผลักดันออกมาไม่ได้ โดยเฉพาะการผลักดันโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี ที่อาจไม่ได้รับการสานต่อ จนทำให้นักลงทุนต่างชาติไม่สนใจเข้ามาลงทุน และหากเป็นแบบนี้ต่อไปอาจส่งผลกระทบไปถึงโครงการแลนด์บริดจ์เกิดปัญหาขึ้นมาได้คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

“การเติบโตของเศรษฐกิจไทยแต่ละปีต่อจากนี้ไม่ง่ายอีกต่อไป มีตัวเลขที่ออกมาว่าเศรษฐกิจโตได้แค่ 1.8% ซึ่งไม่รู้ว่าจริงหรือไม่แต่ถ้าจริงก็ต้องเอาน้ำแข็งโปะหัวเพราะโตต่ำมาก วันนี้สินค้าไทยคืออะไร จุดแข็งของไทยคืออะไร เราจะแข่งกับใครได้ เราสามารถที่จะตอบตัวเองได้หรือไม่เพราะโลกเขาไปอุตสาหกรรมใหม่ และเอไอแล้ว แต่อุตสาหกรรมของเรา ยังกระจุกตัว มีบริษัทใหญ่ไม่กี่บริษัท และธุรกิจใหญ่ยังผูกกับคาร์บอนและฟอสซิลอยู่มาก”

นายสมคิด กล่าวว่า ปัจจุบันเศรษฐกิจไทยเริ่มอ่อนแอ เพราะไทยยังเดินไปข้างหน้าช้ามาก สวนทางกับประเทศเพื่อนบ้าน ที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด เช่น อินโดนีเซีย กลายเป็นมหาอำนาจเศรษฐกิจ มาเลเซีย มุ่งนโยบายเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว รัฐบาลจึงต้องหาทางทำให้ไทยเป็นที่สนใจจากนักลงทุนต่างชาติ และต้องยึดเกาะนโยบายเส้นทางสายไหมใหม่ของจีน เพราะจีนยังใช้ไทยเป็นประโยชน์ เชื่อมต่อการค้าไปสู่ภายนอก ซึ่งเศรษฐกิจไทยต้องเข้าใจชีพจรโลก เพราะเวลานี้แยกกันไม่ออก เพราะไทยพึ่งพิงโลกมาก

“วันนี้ต้องเร่งฟื้นฟู ความเชื่อมั่น ความเชื่อใจ และความเชื่อถือ ทั้งในไทยและต่างประเทศ รวมทั้งฟื้นหลักการความยุติธรรม ธรรมาภิบาล ความโปร่งใส ถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้ก็ไปต่อยาก หุ้นตกก็มาจากเรื่องเหล่านี้ เศรษฐกิจถดถอยก็มาจากเรื่องแบบนี้ไม่ใช่ปัจจัยอื่น ถ้าเรายังไม่ช่วยกันทำ ไม่หือ ไม่อือ ก็จะพาประเทศไทยไปสู่ความเสี่ยง ไม่ใช่ความเสี่ยงที่เราไม่รู้แต่เป็นความเสี่ยงที่เรารู้แน่นอนว่าเราจะเดินไปสู่อะไร ตรงนี้ต้องคิดกันให้ดี”