ขึ้นค่าแรง! เงินสะพัดทั่วประเทศ 3 หมื่นล้าน ช่วยแรงงานสู้ศึกของแพง

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงแนวโน้มการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำอีก5-8% ว่า เห็นด้วยกับการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เนื่องจากไม่ได้มีการปรับขึ้นมานานถึง3ปี และการจะเริ่มปรับขึ้นตั้งแต่ต้นปี66ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม ซึ่งปัจจุบันจะเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจบ้างแล้วเบื้องต้นประเมินว่า หากมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำอีก5-8%จริง จะทำให้มีเม็ดเงินเพิ่มเข้าไปในระบบเศรษฐกิจอีกเดือนละ1,500-2,400ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นปีละ2-3หมื่นล้านบาท จะช่วยผลักดันอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปี66ขยายตัวเพิ่มขึ้น0.1-0.2%

ทั้งนี้การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ อาจมีผลกระทบต่อภาคธุรกิจที่ใช้จำนวนแรงงานสูง เช่น ภาคบริการ ร้านอาหาร โรงแรม อาจทำให้ธุรกิจต้องเลือกใช้กลไกในการลดผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าแรงที่แตกต่างกันไป เช่น ปรับลดคนงาน การปรับราคาสินค้าหรือค่าบริการเพิ่มขึ้น หรือแม้แต่การยอมรับผลกำไรที่น้อยลง แต่หากเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น และการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำสามารถเริ่มได้ในต้นปีหน้า อาจทำให้ประชาชนยอมรับกับราคาสินค้าและบริการที่สูงขึ้นได้ ส่วนการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่10ส.คคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง. เชื่อว่า กนง.จะมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก0.25%เนื่องจากเงินเฟ้อล่าสุดเดือน ก.ค. ยังอยู่ในระดับสูงที่7.6%

นายธนิต โสรัตน์รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย (อีคอนไทย)กล่าวว่า การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ที่แต่ละจังหวัดไม่เท่ากัน ถือเป็นอัตราที่ยอมรับได้ เนื่องจากได้สะท้อนจากภาวะเงินเฟ้อทั่วไปของไทยที่ปี 65 ที่กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์เฉลี่ยอยู่ระดับสูงที่ 5.5-6.5%โดยสิ่งที่เอกชนกังวลและกำลังติดตามใกล้ชิดคือ ร่างแก้ไข พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของกรรมาธิการสามัญวุฒิสภา ที่แก้ไขหลายมาตรา และหากกำหนดใช้จะกลายเป็นภาระรายจ่ายให้กับผู้ประกอบการเพิ่มมากขึ้น เช่น ปรับจากของเดิมที่กำหนดให้สัปดาห์หนึ่งการทำงานของลูกจ้างต้องไม่เกิน48ชั่วโมง (6วัน) แก้ไขเป็นสัปดาห์หนึ่งไม่เกิน40ชั่วโมง (5วัน) ไม่ว่าลักษณะงานหรือสภาพงานจะเป็นลักษณะใด หากเกินกว่านี้ ต้องจ่ายค่าตอบแทนชั่วโมงละไม่น้อยกว่า1.5เท่าคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

นอกจากนี้ยังมีการจ้างงานในสถานประกอบการที่มีการจ้างงานรายวันและรายเดือนต้องจ้างเป็นรายเดือนทั้งหมดโดยไม่เลือกปฏิบัติ รวมทั้งแรงงานต่างด้าว ยกเว้นงานภาคเกษตร,งานก่อสร้าง,งานไม่มีความต่อเนื่อง หรืองานไม่ใช่ธุรกิจหลักของนายจ้าง โดยค่าสวัสดิการต้องเท่าเทียมกับลูกจ้างรายเดือน